ทำไม “การศึกษาทางการเงิน” จึงสำคัญในยุคไร้เงินสด
ทำไม “การศึกษาทางการเงิน” จึงสำคัญในยุคไร้เงินสด
โลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “ยุคไร้เงินสด” (Cashless Society) อย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าอาหารผ่านแอป, โอนเงินผ่าน QR Code หรือการใช้บัตรและกระเป๋าเงินดิจิทัลแทนเหรียญและธนบัตร ซึ่งแม้จะช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่ก็ทำให้ “ความรู้ทางการเงิน” (Financial Literacy) กลายเป็นทักษะจำเป็นที่เด็กและเยาวชนทุกคนควรมี
ยุคไร้เงินสดคือการใช้ “เงินที่มองไม่เห็น”
ในอดีต เด็กได้เรียนรู้คุณค่าของเงินผ่านการนับเหรียญ เก็บออมในกระปุก หรือรับเงินค่าขนมจากพ่อแม่โดยตรง วันนี้เงินเป็นเพียง “ตัวเลขบนหน้าจอ” 100 บาทในบัญชี กับ 100 บาทในมือ มีค่าเท่ากันทางกฎหมายแต่ “คุณค่าทางจิตวิทยาและพฤติกรรมการใช้เงิน” ต่างกันมากเพราะเงินสดจับต้องได้ มี “แรงยับยั้ง” ทางอารมณ์ เวลาจ่ายด้วยเงินสด เรา “เห็น” และ “รู้สึก” ว่ากำลังเสียบางอย่างไป เช่น การหยิบแบงก์ออกจากกระเป๋า ทำให้สมองรับรู้ถึง “การสูญเสีย” แต่สิ่งนี้ไม่เกิดกับเงินดิจิทัล เพราะแค่แตะหน้าจอ เงินก็หายไปโดยไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของการใช้จ่าย ผลคือ คนมักใช้เงินดิจิทัลง่ายกว่าเงินสด จึงอาจนำไปสู่ปัญหา เช่น ใช้จ่ายเกินตัว ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ไม่รู้จักการวางแผนการเงิน หรือการออมอย่างมีเป้าหมาย
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า มูลค่าการชำระเงินผ่าน PromptPay และ e-Wallets เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เด็กไทยคุ้นชินกับการใช้แอปโอนเงินหรือจ่ายค่าอาหารออนไลน์ตั้งแต่มัธยมต้น แต่ระบบการศึกษาในโรงเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ได้สอนเรื่อง “การเงินในโลกดิจิทัล” อย่างเป็นระบบ จึงเป็นจุดที่ “การศึกษาทางการเงิน” ต้องเข้ามามีบทบาทที่ไม่ใช่แค่การสอนเรื่องการออมเท่านั้น แต่รวมถึง
ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยทางดิจิทัล (Digital Security)
การใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดชอบ
การรู้เท่าทันผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น บัตรเดบิตออนไลน์ หรือเงินคริปโต
ยุคไร้เงินสดที่ญี่ปุ่น: ตัวอย่างประเทศที่เริ่มสอน “การเงินยุคดิจิทัล” ตั้งแต่เด็ก
เมื่อปี 2022 กระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น (MEXT) ได้บรรจุ การศึกษาเรื่องการเงิน ลงในหลักสูตรระดับประถมและมัธยมทั่วประเทศ เพราะญี่ปุ่นมองเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ก่อนใคร เด็ก ๆ จะได้เรียนตั้งแต่
ระดับประถม: เงินคืออะไร ความต้องการกับความจำเป็น
ระดับมัธยม: การใช้จ่ายแบบไม่ใช้เงินสด การวางแผนการเงิน และ ความเสี่ยงในโลกออนไลน์
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังตั้งองค์กรกลางชื่อ Japan Financial Literacy and Education Corporation (J-FLEC) เพื่อประสานภาครัฐและเอกชนในการสร้างหลักสูตร ฝึกอบรมครู และผลิตสื่อการสอนด้านการเงินโดยเฉพาะ
ในไทยเองก็ควรเริ่มปลูกฝังด้านการเงินโดยเริ่มจากในโรงเรียนที่เด็ก ๆ ได้มีโอกาสใช้จ่ายและคิดไตร่ตรอง
เริ่มจากโรงเรียน ปลูกฝังตั้งแต่ระดับประถม ผ่านกิจกรรมจำลองสถานการณ์การใช้เงิน
บูรณาการกับวิชาอื่น เช่น คณิตศาสตร์ (คิดงบประมาณ), สังคมศึกษา (เศรษฐกิจ), หรือเทคโนโลยี (ความปลอดภัยทางดิจิทัล)
สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อให้เด็กได้เห็นตัวอย่างจริงจากโลกธุรกิจ เช่น การจัดแคมป์ “รู้จักเงินในยุคดิจิทัล” หรือเกมฝึกวางแผนการเงิน
สอนเรื่องความรับผิดชอบทางออนไลน์ เพราะการรู้เท่าทันการหลอกลวงทางดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของการรู้เท่าทันทางการเงิน
หากในโรงเรียนสามารถทำให้เด็กรู้จัก ใช้เงินอย่างเข้าใจ ตั้งแต่วันนี้ พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ ใช้ชีวิตอย่างมีสติทางการเงิน พร้อมรับมือโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อ้างอิง: https://www.weforum.org/stories/2025/09/financial-education-japan-children-digital-economy/
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อจท. Active Learning อื่น ๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อื่น ๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
บทความที่เกี่ยวข้อง
